ศาสตราจารย์ หรือใช้อักษรย่อว่า ศ. เป็นตำแหน่งทางวิชาการสูงสุด ต่อมาจากตำแหน่ง รองศาสตราจารย์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตามลำดับ หมายถึงอาจารย์ในระดับอุดมศึกษาที่มีข้อเสนอที่คนในวงการอ้างถึง และยกให้เป็นทฤษฎี หรือมีผลงานวิจัยที่ส่งกระทบโดยกว้าง
ในประเทศไทย ตำแหน่งศาสตราจารย์ ถือเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติที่แสดงถึงความเป็นผู้มีความรู้สูง และมีผลงานด้านการศึกษาของบุคคลนั้น ซึ่งต้องผ่านการกลั่นกรองและประเมินผลงานอย่างเคร่งครัดและเข้มงวดในความถูกต้องของวิชา ศาสตราจารย์ประเภทอื่นอาจมีวิธีพิจารณาที่แตกต่างกันออกไป ตามประเภทของศาสตราจารย์
เนื้อหา
1 ความหมายของตำแหน่งศาสตราจารย์ในแต่ละประเภท
1.1 ตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำ
1.1.1 ศาสตราจารย์ที่ต้องทำผลงานวิจัยและ/หรือแต่งตำรา
1.1.2 ศาสตราจารย์คลินิก
1.1.3 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ หรือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ
1.2 ตำแหน่งศาสตราจารย์ ที่ไม่ประจำ หรือแต่งตั้งโดยวิธีอื่น
1.2.1 ศาสตราจารย์พิเศษ
1.2.2 ศาสตราภิชาน
1.2.3 ศาสตราจารย์อาคันตุกะ
1.2.4 ศาสตราจารย์กิตติเมธี
1.2.5 ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์
2 ระดับผลงาน ที่อยู่ในขั้นศาสตราจารย์
3 ราชบัณฑิต
4 Author
5 การเรียกคำนำหน้าชื่อ
6 ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันยังกระจายอยู่ในบริษัทชั้นนำ
7 จำนวนศาสตราจารย์ในประเทศไทย
8 อ้างอิง
9 ดูเพิ่ม
10 แหล่งข้อมูลอื่น
ความหมายของตำแหน่งศาสตราจารย์ในแต่ละประเภท
ตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำ
ศาสตราจารย์ที่ต้องทำผลงานวิจัยและ/หรือแต่งตำรา
ศาสตราจารย์ประเภทนี้ เป็นศาสตราจารย์ที่เป็นพื้นฐานหลักของมหาวิทยาลัย เป็นตำแหน่งประจำ เช่น เป็นข้าราชการ หรือพนักงานมหาวิทยาลัย (รวมทั้ง มหาวิทยาลัยเอกชน) ที่สอนประจำอยู่ในมหาวิทยาลัย หรือ สถาบันอุดมศึกษา โดยต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของสภามหาวิทยาลัย, พ.ร.บ.ระเบียบบริหารข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย จะมีผู้อ่านผลงานวิจัย/หนังสือตำราหรือสิ่งพิมพ์ทางวิชาการ ว่าได้มาตรฐานตามเกณฑ์หรือไม่ ทางคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย (ก.ม.) และทบวงมหาวิทยาลัย จะเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ แล้วการแต่งตั้งก็นำเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อผ่านไปโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ศาสตราจารย์คลินิก
จะแต่งตั้งจากผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ทางด้านการสอนและการค้นคว้าวิจัยในภาคปฏิบัติ เช่น แพทย์เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ที่สอนนักศึกษาแพทย์ด้านคลินิก มีการค้นคว้าทดลองวิธีการรักษา หรือค้นพบสิ่งใหม่ในทางปฏิบัติ ได้นำผลนั้นมาเผยแพร่และสอนทางปฏิบัติที่มีคุณค่าทางวิชาการ แต่มีรูปแบบของผลงานไม่เข้าเกณฑ์ที่ใช้ขอตำแหน่งตามปกติ ในต่างประเทศ มีการตั้งตำแหน่ง "ศาสตราจารย์ปฏิบัติวิชาชีพ" (professor of practice) สำหรับผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถสูงเป็นที่ยอมรับในวงวิชาชีพนั้นๆ ที่มหาวิทยาลัยเปิดสอนสาขาวิชาชีพ เช่น สาขาการออกแบบวางแผน หรือการบัญชีเชิญมาเป็นอาจารย์สอนประจำแบบไม่เต็มเวลา หรือไม่ครบ 4 องค์ประกอบหลัก บางครั้งเรียก "adjunct professor"
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ หรือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ
แต่งตั้งจาก "อาจารย์ประจำ" ผู้เคยเป็นศาสตราจารย์มาแล้วจากการวิจัยและ/หรือแต่งตำราของมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญ หรือชำนาญพิเศษได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงในสาขาวิชานั้นมาก่อน และเกษียณอายุราชการแล้ว ที่สถาบันอุดมศึกษา เห็นสมควรแต่งตั้งเพื่อให้สร้างคุณประโยชน์ด้านการศึกษาให้แก่ภาคหรือสาขาวิชานั้นต่อไป โดยถือว่าผู้ได้รับการแต่งตั้งยังคงมีสิทธิ์ใช้ชื่อศาสตราจารย์นำหน้า และยังสามารถบ่งบอกสังกัดตนได้ต่อไปจนถึงแก่กรรมหรือเมื่อทำความผิดร้ายแรง ตำแหน่งนี้ตรงกับภาษาอังกฤษว่า "professor emeritus" ซึ่งธรรมเนียมการใช้ชื่อในภาษาอังกฤษจะใช้โยงกับสาขาวิชา เช่น Professor Emeritus of Mathematics Isaac Newton หรือ Isaac Newton, Professor Emeritus of Mathematics เป็นต้น
อนึ่ง การใช้ชื่อ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ หรือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยกำหนด เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ "กิตติคุณ" ส่วนมหาวิทยาลัยมหิดล ใช้ "เกียรติคุณ" เป็นต้น ซึ่งความเป็นอาจารย์ประจำในกรณีนี้ หมายถึง การผูกพันเป็นการประจำกับคณะที่ขอแต่งตั้ง ต่างกับศาสตราจารย์เกษียณอายุที่ได้รับการต่ออายุราชการถึง 65 ปี ซึ่งถือเป็นการทำงานประจำเต็มเวลาปกติเหมือนอาจารย์ประจำทั่วไป
ในประเทศไทยยังมีผู้เข้าใจว่าศาสตราจารย์เกียรติคุณ หรือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากบุคคลภายนอกทั่วไปเพื่อเป็นเกียรติเท่านั้น โดยไม่ต้องเป็นศาสตราจารย์มาก่อนซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ตำแหน่งศาสตราจารย์ ที่ไม่ประจำ หรือแต่งตั้งโดยวิธีอื่น
มหาวิทยาลัยอาจแต่งตั้งบุคคลภายในหรือภายนอกมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญยิ่งในสาขาวิชาที่เป็นผู้นำและเป็นตัวอย่างที่ดีของนักวิชาการชั้นเยี่ยม มีมาตรฐานสูงทางคุณธรรม จริยธรรม และมีความซื่อตรงต่อวิชาชีพ ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น โดยมหาวิทยาลัยกำหนดขอบเขตความรับผิดชอบและระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งและรับเงินเดือนหรือเงินตอบแทนจากทุนต่างๆ ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ปฏิบัติภารกิจที่เป็นงานทางวิชาการ โดย
ศาสตราจารย์พิเศษ
แต่งตั้งจากบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่เป็นอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัย หรือสถาบันนั้น โดยต้องเป็นผู้มีประสบการณ์ทางด้านวิชาการ ที่อาจจะเป็นอาจารย์พิเศษทรงคุณวุฒิสูง และทำหน้าที่สอนให้มหาวิทยาลัยมานาน หรือเป็นบุคคลที่ได้อุทิศตัว มีความรู้มีประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านการประเมิน โดยการกลั่นกรองจากสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้พิจารณาเสนอ การแต่งตั้งจะต้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ
ศาสตราภิชาน
เป็นตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มีชื่อผู้อุปถัมภ์ประจำอยู่ ภาษาอังกฤษใช้ว่า chair professor หมายถึง เก้าอี้หรือตำแหน่งเฉพาะที่ตั้งไว้สำหรับศาสตราจารย์เฉพาะสาขาใดสาขาหนึ่งที่มีผู้มาตั้งไว้พร้อมทั้งเงินตอบแทนหรือเงินเดือน เป็นตำแหน่งที่ตั้งไว้สำหรับผู้มีความรู้ความชำนาญสูงสุดเป็นที่ยอมรับในหมู่ปราชญ์สาขาเดียวกันที่มหาวิทยาลัยเชิญมา ในต่างประเทศ ตำแหน่งศาสตราจารย์ในกลุ่มนี้ เช่น Lucasian professor of mathematics ซึ่งเป็นตำแหน่งศาสตราภิชานที่เรียกเต็มว่า "Lucasian Chair of Mathematics" เป็นตำแหน่งที่ เฮนรี ลูคัส ตั้งไว้ที่ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อ พ.ศ. 2206 และได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ในปีถัดมา (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) นับถึงปัจจุบันมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้เพียง 17 คน ในจำนวนนี้ ไอแซก นิวตันอยู่ในลำดับที่ 2 และสตีเฟน ฮอว์คิงซึ่งได้รับตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. 2523 จนถึงปัจจุบัน
ตำแหน่งศาสตราภิชานที่มีเกียรติสูงเป็นตำแหน่งเฉพาะสาขาวิชา มีตำแหน่งเดียวและมักเป็นตำแหน่งตลอดชีพ จะว่างเมื่อผู้ครองตำแหน่งถึงแก่กรรม ไร้ความสามารถ หรือลาออก
ศาสตราจารย์อาคันตุกะ
ศาสตราจารย์อาคันตุกะ ตรงกับชื่อภาษาอังกฤษว่า visiting professor หมายถึงศาตราจาย์ที่ดำรงหรือเคยดำรงตำแหน่งอยู่ ณ สถาบันหรือมหาวิทยาลัยหนึ่งแล้วและได้รับเชิญจากอีกมหาวิทยาลัยให้มาสอนหรือวิจัยภายในช่วงเวลาหนึ่ง
ศาสตราจารย์กิตติเมธี
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร หากแปลตามชื่อจะได้ว่าเป็นนักปราชญ์หรือนักวิจัยผู้มีชื่อเสียง ซึ่งอาจตรงกับ research professor ของบางประเทศ มีการตั้งศาสตราจารย์ประเภทนี้แพร่หลายขึ้นในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไทยของภาครัฐและภาคเอกชน
อย่างไรก็ดี ทั้งตำแหน่งศาสตราภิชาน และศาสตราจารย์กิตติเมธีอาจมีเงื่อนไขในการดำรงตำแหน่งไม่เหมือนกัน เช่น ศาสตราภิชานของไทยมีวาระเพียงปีเดียว
ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์
การตั้งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์จากผู้ไม่มีความรู้แต่ทำประโยชน์ เช่น บริจาคเงินแก่มหาวิทยาลัย ซึ่งศาสตราจารย์แบบนี้ยังไม่มีปรากฏในประเทศไทย
ระดับผลงาน ที่อยู่ในขั้นศาสตราจารย์
ศาสตราจารย์ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในเชิงทฤษฎี การวิจัย เขียนบทความทางวิชาการ หรือตำราเรียน ที่ผ่านการประเมินเฉพาะสาขาวิชานั้นๆ มาแล้ว ศาสตราจารย์ที่ไม่ต้องทำผลงานวิจัย หมายถึง ผู้ที่เขียนบทความทางวิชาการ (หรือหนังสือ) ที่มีข้อเสนอเชิงวิชาการจำนวนมาก ต้องเป็นแนวคิดใหม่ และต่อมาคนในวงการเรียก ข้อเสนอหรือแนวคิดใหม่ ดังกล่าวนั้น ว่า ทฤษฎี ดังเช่น Albert Einstein ที่ไม่เคยทำงานวิจัย หรือเข้าห้องทดลอง แต่เสนอเรื่องสัมพันธภาพระหว่างความเร็วและเวลา และต่อมาคนในวงการเรียกข้อเสนอดังกล่าวว่าทฤษฎี (ผู้เสนอไม่มีสิทธิเรียก แนวคิดของตนเองว่า ทฤษฎี)
ศาสตราจารย์ของไทย ส่วนมากไม่มีผลงานในเชิงทฤษฎี แต่เป็นผลงานงานวิจัย พิสูจน์สมมุตฐาน ที่ได้รับการยอมรับว่า 'ดีมาก' ถ้าเป็นงานวิจัยที่เกี่ยวกับของไทย (เช่น ประวัติศาสตร์ไทย ภาษาไทย วัฒนธรรมไทย โบราณคดี) ควรได้รับการตีพิมพ์ ในวารสารวิชาการของราชบัณฑิตสภา หรือวารสารวิชาการของสภาวิจัยแห่งชาติ มิใช่เพียงวารสารวิชาการของมหาวิทยาลัย
หากเป็นงานวิจัยที่เป็นลักษณะสากล (วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์) ควรได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ส่วนงานวิจัยระดับดีเลิศ มักเกี่ยวข้องกับงานเชิงทฤษฎี หรือกฏเกณฑ์ใหม่ ที่ไขปริศนา หรือพิสูจน์สมมุติฐานที่มีผู้สร้างไว้
ควรระลึกเสมอว่า งานวิจัยระดับดีมาก หรือดีเลิศนั้น ไม่จำเป็นต้องได้รับรางวัลใดๆ ทั้งสิ้น แต่มักได้รับการกล่าวถึง หรืออ้างอิงถึง โดยงานวิจัยอื่น ๆ ที่ตามมาภายหลัง จำนวนการอ้างอิงนี้ ถึงบ่งบอกถึงความสำคัญของงานวิจัยชิ้นดังกล่าว ไม่ใช่จำนวนรางวัลที่ได้รับ
ราชบัณฑิต
เป็นตำแหน่งทางวิชาการสูงสุดของแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทย ต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ มีเก้าอี้จำนวนจำกัด จะพ้นวาระก็ต้องเมื่อถึงแก่กรรมเท่านั้น ดังเช่น มี ๒ ตำแหน่งสำหรับ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งต้องคัดเลือกจากศาสตราจารย์ด้านแพทยศาสตร์ นับหลายร้อยคน จากหลายสิบสาขา มีบางกรณีที่ผู้เชี่ยวชาญสูงสุดมิได้ทำงานในสถาบันการศึกษา จึงอาจไม่มีตำแหน่งศาสตราจารย์ก็เป็นได้ ผู้ที่มีตำแหน่งดังกล่าว มีสิทธิที่จะคำว่า ราชบัณฑิต ต่อท้ายชื่อได้
Author
การเรียกด้วยความยกย่องในระดับสากล มีการใช้คำว่า Author ซึ่งหมายถึง ผู้เขียนหนังสือ หรือตำราเล่มใด เล่มหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีใหม่ และเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางของคนในวงการนั้น มักมีความหมายแฝงถึง Authority หรือ ผู้มีอำนาจในการฟันธง ว่าจะตัดสินอย่างไรในเรื่องต่าง ๆ
การเรียกคำนำหน้าชื่อ
ในสากลประเทศ ผู้ที่ได้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์แล้ว มักไม่ใช่คำว่า ดร. ต่อให้ยืดยาวออกไป เพราะคำว่า ศ. หรือ Prof. นี้ เป็นเกียรติที่สูงส่งกว่าการจบปริญญาเอกหลายเท่าตัว และผู้ที่เป็นราชบัณฑิต อาจใช้แค่คำว่า นาย/นาง.... ราชบัณฑิต เพราะถือว่าเป็นเกียรติสูงส่งกว่า ตำแหน่งศาสตราจารย์ และหากมีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักทั่วไปแล้ว อาจไม่ใช้ราชบัณฑิตก็ได้ ยิ่งผลงานดีมากขึ้นเท่าไร ชื่อก็จะยิ่งสั้นลงจนเหลือแต่นามสกุล และกลายเป็นหน่วยวัด กลายเป็นอักษรย่อไปในที่สุด ดังเช่น [Newton] (N) , [Watt](W) , ด.ร. (กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) , ป.ณ. (ประเสริฐ ณ นคร)
ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันยังกระจายอยู่ในบริษัทชั้นนำ
บทความนี้ต้องการแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม เพื่อให้บทความน่าเชื่อถือและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
คุณสามารถช่วยพัฒนาวิกิพีเดีย โดยเพิ่มแหล่งอ้างอิงที่เหมาะสม - การอ้างอิงแหล่งที่มา วิธีการเขียน บทความคัดสรร และ นโยบายวิกิพีเดีย
ในปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญที่มีผลงานระดับศาสตราจารย์จำนวนหนึ่ง มิได้สอนในมหาวิทยาลัย และมิได้มีตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เลือกที่จะทำงานในบริษัทเอกชน มักจะให้ผลตอบแทนสูงกว่ามหาวิทยาลัยระดับกลางค่อนข้างมาก ตัวอย่างบริษัทเอกชนที่มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในสาขาต่างๆ เช่น ในสาขาไอที ได้แก่ Microsoft สาขาการแพทย์ ได้แก่ Biogen สาขาสื่อสาร ได้แก่ AT&T ผลงานวิจัยจากบริษัทเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อวิถีการทำงานของผู้เชี่ยวชาญ (รวมถึงศาสตราจารย์) ในสาขานั้น ๆ ทั่วโลก แต่ผลงานเหล่านี้ถือว่าเป็นขององค์กร มิใช่ของบุคคล จึงนำไปขอตำแหน่งทางวิชาการไม่ได้
จำนวนศาสตราจารย์ในประเทศไทย
ข้อมูลจำนวนผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง "ศาสตราจารย์" ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2550 รวม 505 คน[1] โดย 10 สถาบันแรกที่มีจำนวนศาสตราจารย์มากที่สุด ได้แก่
มหาวิทยาลัยมหิดล 149 คน (นับรวมศาสตราจารย์คลินิกแล้ว)
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 97 คน (ไม่มีตำแหน่งศาสตราจารย์คลินิก)
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 39 คน
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 28 คน
มหาวิทยาลัยขอนแก่น 20 คน
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 18 คน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 14 คน
มหาวิทยาลัยศิลปากร 13 คน
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 9 คน
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
No comments:
Post a Comment